คนท้องกินบิงซูได้ไหม เมนูของหวานที่ใคร ๆ ก็อยากลิ้มลอง!

ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้คุณแม่บางคนก็อาจจะกำลังมองหาเมนูของหวานที่พอจะช่วยคลายความร้อนได้บ้าง ขอบอกเลยนะคะว่าบิงซูก็เป็นหนึ่งในขนมหวานที่น่าสนใจกันเป็นอย่างมาก แต่สำหรับคุณแม่บางคนก็อาจจะยังไม่กล้ากินบิงซูสักเท่าไหร่ และอยากที่จะรู้ว่า แท้จริงแล้ว คนท้องกินบิงซูได้ไหม เอาเป็นว่าเรามาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ

คนท้องกินบิงซูแล้วจะเป็นยังไงบ้าง?

อย่างที่เรารู้กันดีว่าบิงซูคือเมนูของหวานที่มีให้เราได้เลือกหลากหลายรสชาติ ซึ่งเมนูของหวานประเภทนี้เป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องสามารถกินได้ตามปกติเลย แต่เราก็อาจจะต้องพยายามเลือกรสชาติให้ดี และไม่ควรเป็นบิงซูที่มีรสชาติหวานจนเกินไป ไม่อย่างนั้นสิ่งนี้อาจจะทำให้คุณแม่ท้องเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานก็เป็นได้ และที่สำคัญอีกอย่างเลยคือ ไม่ควรกินบ่อย หรือกินเป็นประจำนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินข้าวโพดอบเนยได้ไหม แม่ท้องสามารถกินได้ตามปกติหรือเปล่า?

วิธีกินบิงซูยังไงให้ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ท้อง

ทุกครั้งที่คุณแม่ท้องตัดสินใจกินบิงซูนั้น ต้องบอกเลยนะคะว่า ถึงแม้บิงซูจะเป็นเมนูขนมหวานที่เราสามารถกินได้ตามปกติก็จริง แต่หากใครที่อยากจะให้การกินบิงซูในครั้งนี้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เราก็อาจจะต้องรู้จักวิธีการกินบิงซูที่ถูกต้องตามไปด้วย คุณแม่หลายคนอยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่า เราควรเลือกกินยังไงดี เอาเป็นว่าเรามาดูไปพร้อมได้เลย

1. ปริมาณในการกิน

หากการกินบิงซูในแต่ละครั้ง คุณแม่เลือกที่จะกินบิงซูตามความชอบหรือความต้องการของตัวเอง สิ่งนี้ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างทำให้คุณแม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่น ๆ ขึ้นมาได้เหมือนกัน เพราะเมนูนี้ค่อนข้างมีรสชาติที่หวาน ดังนั้นทางที่ดีเราก็อาจจะต้องเลือกกินในปริมาณที่พอเหมาะจะดีกว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินไข่ยางมะตูมได้ไหม กินไข่แบบไหนให้ปลอดภัยและมีประโยชน์?

2. ในเรื่องของความสะอาด

สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญต่อมาอาจจะเป็นเรื่องของความสะอาด เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราเลือกซื้อบิงซูเราอาจจะต้องพยายามเลือกซื้อจากร้านที่สามารถไว้วางใจได้ และไม่มีสิ่งสกปรกอะไรมาปนเปื้อน เพราะเมื่อไหร่ที่เราไม่ได้ดูเรื่องความสะอาดเลย สิ่งที่ตามมาอีกอย่างก็อาจจะทำให้คุณแม่มีอาการท้องเสีย หรือเป็นโรคอื่น ๆ ตามมาทีหลังได้

3. พยายามเลือกรสชาติที่ดีต่อสุขภาพ

จากนั้นเราก็อาจจะต้องพยายามเลือกรสชาติและส่วนผสมของบิงซูที่ค่อนข้างมีประโยชน์และส่งผลดีต่อร่างกาย โดยคุณแม่อาจจะเลือกกินบิงซูผลไม้แทนการกินขนมหวาน หรือแทนการใส่ท็อปปิ้งประเภทอื่น ๆ ได้เลย เอาเป็นว่าใครที่กำลังอยากกินบิงซูในตอนนี้กันอยู่พอดี อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องนี้กันด้วยนะคะ

4. หลีกเลี่ยงการกินบิงซูร่วมกับคนอื่น

สิ่งที่คุณแม่อาจจะต้องระวังต่อมาเลยคือ เราควรที่จะหลีกเลี่ยงการกินบิงซูร่วมกับคนอื่น ๆ ไปก่อนจะดีกว่า เพราะการที่เรากินบิงซูร่วมกับใครหลาย ๆ คน สิ่งนี้ก็อาจจะส่งผลทำให้คุณแม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อขึ้นมาได้ ทางที่ดีให้เราสั่งบิงซูแยก หรืออาจจะใช้ถ้วยแยกออกมาในการกินบิงซูครั้งนี้เลยนะคะ

สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงก่อนทำบิงซูมีอะไรบ้าง?

ก่อนที่คุณแม่จะลงมือทำเมนูขนมหวานอย่างบิงซูนั้น ต้องบอกว่ายังมีรายละเอียดต่าง ๆ มากมายในการเลือกซื้อของที่จะมาทำบิงซู เพราะเมื่อไหร่ที่เราเลือกซื้อของที่ดีมีคุณภาพ สิ่งนี้ก็จะยิ่งทำให้บิงซูที่คุณแม่ทำนั้นมีรสชาติที่อร่อยมากขึ้นเลยล่ะค่ะ ส่วนสิ่งที่เราจะต้องคำนึงถึงนั้นมีอะไรบ้าง อย่ารอช้ามาดูไปพร้อมกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินน้ำพริกปลาร้าได้ไหม เป็นเมนูที่ควรระวังหรือเปล่า?

1. ดูจากความชอบ

สำหรับคุณแม่คนไหนที่อยากจะทำเมนูบิงซูกินในเร็ว ๆ นี้ เราก็อาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า เราชอบกินบิงซูรสชาติแบบไหน เพื่อที่เราจะได้เลือกซื้อส่วนผสมที่นำมาทำได้อย่างถูกต้อง และที่สำคัญไปกว่านั้นคุณแม่ก็จะได้กินบิงซูในรสชาติที่ถูกใจตามไปด้วย

2. สังเกตดูส่วนผสม

ส่วนผสมที่เราจะนำมาทำเมนูบิงซูนั้น คุณแม่ก็อาจจะต้องพยายามดูรายละเอียดของสินค้าประเภทอื่น ๆ ตามไปด้วยว่า ส่วนผสมที่เราจะตัดสินใจซื้อนั้นเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และไม่เป็นสินค้าที่ทิ้งไว้นานหรือหมดอายุไปแล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่ได้ดูรายละเอียดของสินค้า หรือไม่ได้ทำการสังเกตอะไรเลย สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้ของที่เราซื้อมาเกิดการเน่าเสียและไม่อร่อยขึ้นมาได้

3. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

การที่คุณแม่อยากทำบิงซูกินเองนั้น คุณแม่ก็อาจจะต้องทำการตรวจสอบดูอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามไปด้วยว่าอุปกรณ์ที่เราจะนำมาทำเมนูบิงซูนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง และเรามีหรือขาดเหลืออุปกรณ์อะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้ทำเมนูบิงซูได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

4. รสชาติไม่หวานมาก

อย่างที่คุณแม่หลายคนรู้กันดีว่าบิงซูเป็นสิ่งหนึ่งในเมนูของหวานที่อร่อย และเราสามารถที่จะทำกินได้เรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกันคุณแม่อาจจะต้องเลือกทำบิงซูในรสชาติที่ไม่ได้หวานมาก หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นบิงซูที่มีรสชาติหวานกำลังพอดี เพื่อที่คุณแม่จะได้ไม่กินหวานจนเกินไป และที่สำคัญไปกว่านั้นเราจะได้ไม่เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคเบาหวานตามไปด้วยนั่นเอง บอกเลยนะคะว่าสิ่งนี้เป็นอะไรที่คุณแม่ควรต้องระวังมาก ๆ เลยทีเดียว

เมนูบิงซูมะม่วง

วัตถุดิบและส่วนผสม

• โยเกิร์ต 2 ถ้วย
• นมเปรี้ยวขวดใหญ่     
• มะม่วงน้ำดอกไม้ 1 ลูก     
• เยลลี่
• นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนและวิธีการทำ

1. มาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรก ให้เรานำนมเปรี้ยวที่ซื้อมาเทใส่ลงไปในถ้วยที่เตรียมไว้ จากนั้นให้เราใส่โยเกิร์ตลงไป ตามด้วยนมข้นหวาน ซึ่งการใส่นมข้นนั้นเราควรใส่ในปริมาณที่พอดีไม่หวานมาก เมื่อใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ลงไปแล้วให้เราคนส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน พร้อมกับนำส่วนผสมที่ได้เทใส่ลงไปในถุงซิปล็อก จากนั้นให้เรานำไปแช่ในช่องฟรีซค้างทิ้งไว้ประมาณ 1 คืนได้เลยนะคะ

2. ขั้นตอนต่อมาเราก็มาทำการเตรียมมะม่วงกันต่อ โดยให้เราทำการปอกเปลือกมะม่วงให้เรียบร้อย พร้อมกับทำการหั่นมะม่วงเป็นชิ้นเล็ก ๆ คล้ายลูกเต๋า จากนั้นให้เรานำมะม่วงที่หั่นไว้แล้วใส่ไว้ในภาชนะที่เตรียมไว้

3. สิ่งที่เราจะทำต่อมาเลยคือ ขั้นตอนของการทำเกล็ดหิมะ ซึ่งอย่างแรกให้นำส่วนผสมที่เรานำไปแช่ช่องฟรีซออกมาจากตู้เย็น จากนั้นให้เราค่อย ๆ ทำการขูดน้ำแข็งให้มีลักษณะคล้ายกับเกล็ดหิมะ หรือสำหรับบางคนก็อาจจะใช้เครื่องปั่นผลไม้มาเป็นตัวช่วยในการขูดน้ำแข็งเกล็ดหิมะได้เลยนะคะ

4. หลังจากที่เราทำการขูดหรือปั่นน้ำแข็งเกล็ดหิมะเรียบร้อยแล้วนั้น ให้เรานำเกล็ดหิมะที่ได้ใส่ลงไปในถ้วยที่เตรียมไว้ให้เต็ม จากนั้นให้เรานำมะม่วงที่หั่นเป็นชิ้น ๆ มาวางไว้บริเวณด้านบน พร้อมกับใส่ไอเดียลงไปแบบจัดเต็ม เพียงเท่านี้เราก็จะได้กินบิงซูที่อร่อยในรสชาติที่เราชื่นชอบมาก ๆ เลยล่ะค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับเมนูบิงซูที่เราได้นำมาฝากคุณแม่ในวันนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่าเมนูบิงซูหรือเมนูของหวานที่เราได้พาคุณแม่มาทำความรู้จักในวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในเมนูที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้ามมาก ๆ เลย สำหรับใครที่กำลังมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่าเราสามารถที่จะกินบิงซูในช่วงตั้งท้องได้ไหม อย่าลืมเข้ามาหาคำตอบกันนะคะ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คนท้องกินฝรั่งแช่บ๊วยได้ไหม สิ่งนี้เป็นอันตรายต่อแม่ท้องยังไงบ้าง?
คนท้องกินเครื่องในได้ไหม เมนูนี้มีประโยชน์จริงไหม?
คนท้องกินโค้กได้ไหม เครื่องดื่มประเภทนี้อันตรายหรือไม่!

ที่มา : 1, 2